มาฟังชุดความคิด ถึงความเท่าเทียม ในแบบฉบับของ “เอิร์ธ-กัษมนณัฎฐ์” หลังร่วมโชว์ความเป็นไทยผ่านสไบสีรุ้งในงาน “Bangkok Pride Festival 2024”
มาฟังชุดความคิด ถึงความเท่าเทียม ในแบบฉบับของ “เอิร์ธ-กัษมนณัฎฐ์” หลังร่วมโชว์ความเป็นไทยผ่านสไบสีรุ้งในงาน “Bangkok Pride Festival 2024”
หลังเปิดตัวด้วยการร่วมเดินขบวนสะบัดธงสีรุ้ง แห่งความเท่าเทียม ในงาน “Bangkok Pride Festival 2024” นักแสดงชื่อดังในสังกัด “Studio Wabi Sabi” อย่าง “เอิร์ธ-กัษมนณัฎฐ์ นามวิโรจน์” ที่กำลังถ่ายทำผลงานซีรีส์ “Fo(u)rever You Project” งานนี้เจ้าตัวมาในลุคแปลกตา กับการห่มสไบที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ผสมผสานกิมมิคเก๋ๆ ให้เข้ากับงานด้วยธีมสีรุ้งสีสันสดใส เพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง และแสดงจุดยืนในเรื่องสิทธิความเท่าเทียมในสังคมปัจจุบัน ซึ่ง “เอิร์ธ-กัษมนณัฎฐ์” เล่าถึงคอนเซ็ปต์ของสไบสีรุ้งที่เจ้าตัวใส่ว่า ได้ inspire ชุดนี้มาจากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งจากเพลง “Firework” ของซูเปอร์สตาร์ระดับโลก “Katy Perry” ที่ว่า “After a hurricane comes a rainbow” หรือแปลง่ายๆ ว่า “เมื่อพายุหรือเรื่องร้ายๆ พัดผ่านไป ก็จะเกิดสายรุ้งที่งดงามจะทอดผ่านเอง” ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกว่ามันเป็นท่อนเพลงที่ relate กับชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง การต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรค ทั้งเรื่องดี และเรื่องร้าย เพื่อที่จะทำตามความฝันที่ไม่ได้ใช้เวลาเพียง 2-3 ปี
โดยมุมมองของเอิร์ธยังบอกอีกว่า เหมือน rainbow กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย และยังสอดคล้องไปกับสีรุ้งของธง Pride Month ที่มีด้วยกัน 6 สี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เหมาะสมมากๆ อีกทั้งยังเป็นการรวมตัวกันที่ลงตัวสุดๆ เพราะเอิร์ธ Mix and Match ความแฟชั่นโมเดิร์นในสไตล์ตัวเอง ใส่จริตความเป็นผู้หญิงเข้าไป เพื่อทลายกำแพงในเรื่องการแต่งตัว เพราะเสื้อผ้าไม่มีเพศ ไม่มีขีดจำกัด มันคือศิลปะ และความรู้สึกทางอารมณ์ที่เราอยากจะทำในแบบตัวเราเอง นอกจากนี้ “เอิร์ธ-กัษมนณัฎฐ์” ยังบอกถึงกฎหมายสมรสเท่าเทียมเอาไว้ด้วยว่า “เอิร์ธดีใจมากๆ ที่วาระเรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียมใกล้จะสำเร็จแล้ว เชื่อว่าใครหลายๆ คน รอคอยสิ่งนี้กันมาโดยตลอด ปีนี้แหละคือปีที่พวกเราทุกคนจะ represent ความเป็น Traditional ความเป็นไทยในแบบฉบับของพวกเรา ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ความเท่าเทียม และความหลากหลาย จะผลิบานบนโลกใบนี้ครับ ใจจริงเอิร์ธอยากให้ทุกเดือนเป็นเดือนของ Pride ของความเท่าเทียมนะ ไม่อยากให้มีเฉพาะในเดือน 6 เท่านั้น เพราะถ้ากฎหมายความเท่าเทียมสำเร็จจริงๆ การเป็นตัวของตัวเอง การสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองก็เกิดขึ้นตามไปด้วย พร้อมเล่าทิ้งท้ายว่า “พรบ.ความเท่าเทียมในปัจจุบันมันอาจจะยังไม่ 100% ตามอุดมคติของใคร
สำหรับเอิร์ธ ๆ มองว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยเหมือนกัน แต่เอิร์ธเชื่อว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะค่อย ๆ เข้าไปแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ได้ทีละจุดให้เท่าเทียมกัน อาทิเช่น คำนำหน้า การรับเลี้ยงบุตร เป็นต้น ซึ่งมุมมองของเอิร์ธมองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ถ้าพรบ. ผ่าน สิ่งอื่น ๆ ที่เราจะทำก็จะประสบความสำเร็จแบบราบรื่นตามไปด้วย อยากให้คนรุ่นก่อนหน้าในหลาย ๆ ปีก่อน ได้มีโอกาสมาเห็น มาสัมผัสถึงความน่ายกย่องในเสรีภาพนี้ เหมือนกับประเทศทั่วโลกอื่น ๆ ซึ่งความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นไม่ยากเลยถ้าทุกคนเห็นความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่มีการแบ่งชาติ ศาสนา จำกัดเพศ สีผิว และปฏิบัติต่อกันและกันแบบเท่าเทียมครับ ไม่มีเงื่อนไขในการใช้ชีวิต ไม่ปิดกั้นความคิด เอิร์ธเชื่อว่ามันจะไม่มีข้อขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย และโลกจะก้าวไปสู่ความศิวิไลซ์มากกว่าวัตถุนิยม แต่เป็นคุณค่าทางจิตใจของคนครับ”
